๒๔ เมษายน ๒๕๕๔

๐๕.๐๐ น. ผู้ปกครองลุกขึ้นจัดเตรียมอาหารเช้า เยาวชนไปพร้อมกันที่ห้องปฏิบัติธรรม พระมหาบุญเสริม ร่วมเป็นพระวิทยากร นำเยาวชนสวดมนต์ทำวัตรเช้า... ป้าหลวย นำฝึกโยคะ ธรรมมะผ่อนคลาย...นัดแนะให้ทุกคนแต่งชุดขาว



๐๗.๐๐ น. รับประทานอาหารมื้อเช้า แล้วจัดเตรียมการเดินทางโดยรถบัสโดยสาร ๒ คัน ออกจากวัดคลองสามวา เดินทางไปที่จุดเริ่มต้นที่พระราชวังจักรี รถไปจอดที่ฝั่งมหาวิทยาธรรมศาสตร์ ต้องเดินข้ามถนนไปที่ฝั่งพระราชวัง ผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ แต่คณะของพวกเราก็ดูโดดเด่น ในเรื่องของความมีระเบียบ และอัตลักษณ์ทางภาษาที่แสดงออกอย่างมีเอกลักษณ์...



เพื่อให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างเต็มรูปแบบ จึงไปติดต่อมัคคุเทศก์ เป็นผู้ช่วยนำทาง โดยเริ่มที่วัดพระแก้ว จากหน้าประตูติดกับฝั่งพระมหาราชวัง ...



ความภาคภูมิใจที่มิอาจบรรยายได้ถูกถึงความเป็นไทย เกี่ยวกับมรดกอันล้ำค่าของคนไทย พวกเราสามารถเดินยืดอกผ่านหน้าประตูเข้าไปโดยไม่ต้องเสียสตางค์สักบาท...เดินชมความงามรอบวัดพระแก้ว มัคคุเทศก์ ก็แนะนำจุดต่าง ๆ ที่เป็นสถานที่สำคัญ ที่พระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์เคยเสด็จมาร่วมประกอบพระราชกรณียกิจ ในวันสำคัญต่าง ๆ นับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ - ๙ ...เยาวชนและคณะทุกคนต่างให้ความสนใจ เป็นอย่างมาก...ก่อนออกจากวัดพระแก้ว ได้มีโอกาสเข้าไปกราบนมัสการพระแก้วมรกตภายในพระอุโบสถได้อย่างใกล้ชิด นับเป็นศิริมงคลกับชีวิตไปตลอด..... ออกจากวัดพระแก้วเดินทะลุออกมาทางฝั่งประตูพระบรมมหาราชวังอีกครั้ง ถ่ายรูปร่วมกัน มัคคุเทศก์แนะนำสถานที่เสด็จออกท้องพระโรงของพระมหากษัตริย์ สถานที่รับรองพระราชอาคันตุกะ และสถานที่ตั้งพระบรมศพของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ใกล้ชิด

...แนะนำให้พวกเราได้รู้จัก “ประตูผี” ด้วย....




๑๑.๓๐ น. ออกจากหน้าพระบรมมหาราชวัง เลียบกำแพงไปทางฝั่งวัดโพธิ์ (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม) รับประทานอาหารมื้อเที่ยงด้วยการอำนวยความสะดวกของ อาหนู.... เป็นข้าวมันไก่ ข้าวหมูอบ..เนื้อนิ่ม..รสกลมกล่อม ...

วัดโพธิ์ เป็นศูนย์รวมทั้งสรรพศิลป์ และสรรพศาสตร์เกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย... ที่วัดโพธิ์ มีพระพุทธไสยาสที่สวยงามมาก สร้างในสมัย พระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๓ ทรงสร้างขึ้นครั้งทรงปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ แล้วโปรดฯให้สร้างพระพุทธไสยาสขึ้น เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน ด้านพระพักตร์สูง ๑๕ เมตร มีความยาวตลอดทั้งองค์ถึง ๔๖ เมตรพื้นพระบาทประดับด้วยมุกไฟเป็นภาพมงคล ๑๐๘ พระพุทธไสยาสองค์นี้ได้รับการขนานนามว่า เป็นพระพุทธไสยาสองค์ใหญ่ที่มีความงดงามที่สุดในประเทศไทย ที่ผนังพระวิหารหลังนี้มีภาพเขียนสีและจารึกเรื่อง..มหาวงศ์ .. (พงศาวดารลังกาทวีป) อยู่ด้านบนเหนือหน้าต่างขึ้นไป ระหว่างช่องหน้าต่างเขียนเรื่อง พระสาวิกาเอตทัคคะ (ภิกษุณี) ๑๓ องค์ อุบาสกเอตทัคคะ ๑๐ ท่าน อุบาสิกาเอตทัคคะ ๑๐ ท่าน



๑๓.๐๐ น. พากันเดินเลียบกำแพงวัดโพธิ์ ออกมาถึงทางเข้าพิพิธภัณฑ์สยาม (อาคารกระทรวงพาณิชเก่า) เข้าไปในพิพิธภัณฑ์ด้วยการกล่าวคำต้อนรับ และกระตุ้นต่อมแห่งความอยากรู้อยากเห็นของเยาวชนน้ำขาว เข้าวัดวันอาทิตย์ ด้วยภาพยนตร์ย้อนทะลุมิติ จากปัจจุบัน สู่อดีต... เพื่อค้นหาตัวตน.....๒ ชั่วโมงน้อยเกินไปสำหรับน้อง ๆ เยาวชน ทุก ๆ ชิ้นส่วนของพิพิธภัณฑ์แห่งการเรียนรู้แห่งนี้ ให้อิสระกับน้องได้เรียนรู้โดยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง ๖ (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) ได้อย่างไร้ขีดจำกัดจริงๆ...ออกจากพิพิธภัณฑ์ทำให้รู้สึกรัก ในความเป็นตัวตนของคนไทยมากยิ่งขึ้นทับทวี..



๑๕.๐๐ น. รถบัสพาไปจอดตรงหน้าวัดบวรนิเวศ เพื่อเข้าไปกราบนมัสการ ท่านเจ้าคุณราชฯ ท่านเจ้าคุณได้กรุณานำเยาวชนและคณะทุกคนเดินชมบริเวณวัดบวรฯ โดยท่านรับเป็นมัคคุเทศก์กิติมศักดิ์ให้ด้วยตนเอง......

ลำดับแรก..ท่านพาไปที่พระตำหนักเพชร และตำหนักปั้นหยา ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า และพระมหากษัตริย์เกือบทุกพระองค์ได้เคยมาประทับสมัยเมื่อครั้งผนวช (บวช) ที่สำคัญท่านได้ชี้ให้ดูตรงบริเวณช่องหน้าต่างของพระตำหนักเพชรและเชิงชาย ท่านบอกว่า ..... “ตรงบริเวณนั้นท่านได้ให้ช่างลอกแบบ เพื่อนำไปสร้างเป็นศาลาปฏิบัติธรรมที่วัดน้ำขาวด้วย” ฟังแล้วอดรู้สึกภาคภูมิใจกับการเป็นคนน้ำขาวยิ่งนัก.....



เข้าไปกราบพระประธานในพระอุโบสถ คือพระศรีศาสดา กับพระพุทธชินสีห์ ซึ่งเป็นพระที่สร้างขึ้นในสมัยพระมหาธรรมราชาลิไท ...และที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งก็ คือ รูปแบบภายในของพระอุโบสถวัดน้ำขาวนอก ก็ล้อแบบมาจากที่นี่เช่นเดียวกัน พระประธาน ก็จำลองมาจากพระพุทธชินสีห์เหมือนกัน ภาพวาดบนผนังหลังพระประธานก็เป็นภาพนภากาศ ป่าหิมพานต์ เช่นเดียวกัน...ผิดกันตรงที่ ศิลปินที่วาดผนังพระอุโบสถวัดบวรนิเวศ คือ “ขรัวอินโข่ง” ศิลปินร่วมสมัยยุค รัชกาลที่ ๔ ที่เป็นผู้ริเริ่มวาดรูปลายไทยที่เป็นปริศนาธรรมแบบ ๓ มิติ ตามแนวศิลปะแบบตะวันตก...ท่านเจ้าคุณได้นำคณะไป กราบพระบรมสารีริกธาตุและไปกราบพระไพรีพินาศองค์จริง...หลังจากนั้นท่านเจ้าคุณได้เดินทางไปส่งคณะ เพื่อเดินทางกลับที่พักวัดคลองสามวา..

๑๗.๐๐ น. รับประทานอาหารมื้อค่ำ โดยแม่ครัวในทีมงาน โดยการนำทีมของป้าดา น้องบ่าว อากร อาไพ...คนน้ำขาวที่มาทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ และผู้ปกครอง

๑๙.๐๐ น. ทุกคนไปพร้อมกันที่ห้องปฏิบัติธรรม ไหว้พระ สวดมนต์เสร็จแล้ว พระมหาบุญเสริมได้ทำการอบรม และฝึกสมาธิ

๒๐.๐๐ น. เยาวชนเข้ากลุ่ม ร่วมกันสรุปผลการเดินทาง อุปสรรค ปัญหา ความประทับใจ เป็นแผนที่ความคิด พร้อมทั้งออกมานำเสนอแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน

๒๑.๐๐ น. นัดหมายการเดินทางไป จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในวันพรุ่งนี้