ข้อมูลองค์ความรู้เรื่องราวตำนานเสือรอยเบี้ยว

เสือรอยเบี้ยว

คำให้การของผู้เชี่ยวชาญคนที่ ๒


เสือรอยเบี้ยว เป็นเสือลำบากที่เขาลือกันว่าหลุดออกมาจากกรงของนักเล่นละครสัตว์ เท้าข้างหนึ่งพิการมีรอยเบี้ยว สันนิษฐานว่าโดนบ่วงหรือเคยถูกทำร้ายจากน้ำมือของมนุษย์ จนในที่สุดกลายเป็นเสือดุร้าย ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ๒ ได้ให้การเพิ่มเติมว่า เสือรอยเบี้ยวเวลามันจ้องจะทำร้ายคน มักจ้องกัดเอาข้างหลังตอนที่เหยื่อเผลอเท่านั้น มีเรื่องเล่าว่า ป้าของนางคล้อย ปัจจุบัน(พ.ศ.๒๕๕๓) อายุ ๗๗ ปี บ้านคูตีน หมู่ที่ ๒ ต.น้ำขาว เข้าไปทำไร่แถว ๆ ควนสาว ควนกรอง ใกล้กับควนธง ในขณะที่ป้าของนางคล้อย กำลังนั่งดายหญ้าอยู่เพลิน เพื่อปรับให้พื้นที่ราบเรียบ นางจึงหยิบ ฉวยเอาเศษดิน เศษหญ้าที่วางอยู่ใกล้ ๆ เพื่อโยนเข้าไปตามแนวป่ารกตรงรอยต่อที่ยังไม่ได้ทำการบุกเบิก...ทันใดนั้น เสือรอยเบี้ยวที่แอบอยู่ตรงราวป่า ตรงที่ก้อนดิน เศษหญ้าถูกเหวี่ยงไปตกพอดี ด้วยความตกใจ...มันก็กระโจนออกมาเพราะคิดว่าเหยื่อคือป้าของนางคล้อยรู้ตัวทัน...มันกระโจนหนีออกไปทางบ้านหัวควน สามีของนางได้ช่วยกันทะวาย จนหนีไปไม่กลับมาอีกเลย ยุคสมัยนั้น เวลาใครจำต้องออกจากบ้าน ต้องเดินทางเข้าป่าหรือติดต่อมีธุระอันใดจึงมักมีคาถาท่องจำเพื่อปลุกฝัน กำลังใจในการเดินทาง สำหรับคาถาหักไม้ (หักเลข) ของผู้เชี่ยวชาญคนที่ ๒ ที่ใช้ทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน คือ “อิติอะกาลิ อิติภะคะวา โนสะวะหา สีสะมุลิ มุลิสีสะ” แล้วก็หักไม้วางไว้บนทางเดิน แต่ห้ามเดินข้าม

ขณะที่เสือรอยเบี้ยวกัดนายเคี่ยม แล้วนำศพมาไว้ที่ศาลาหมู่ที่ ๒ นั้น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ๒ อายุ ๑๘ ปี กำลังเข้าไปเป็นศิษย์ที่วัดน้ำขาวใน(วัดตก) เพื่อเตรียมที่จะบวชเรียน ท่านพระครูพรหมวุฒาจารย์เจ้าอาวาสในสมัยนั้น คือผู้มีส่วนสำคัญในการออกติดตาม ระดมชาวบ้านออกค้นหาจนพบศพของนายเคี่ยมในที่สุด.

นิยามศัพท์เฉพาะ

ทะวาย: กะโกนทำเสียงดัง ,โห่ขึ้นพร้อม ๆ กัน



ข้อมูลผู้ให้สัมภาษณ์

ชื่อ: นายจัด พรหมมณี
ที่อยู่: บ้านคูตีน หมู่ที่ ๒ ต.น้ำขาว อ.จะนะ จ.สงขลา
การศึกษา: -
อาชีพ: ทำสวนยาง
สถานภาพ: เป็นหม้าย
ชาติพันธุ์: ไทย
ภาษา: ไทย (ไทยท้องถิ่นใต้)
วันที่ให้สัมภาษณ์: วันที่ ๓๑ เดือนสิงหาคม ๒๕๕๓